วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

สรุปวิชาพระพุทธศาสนามหายานในประเทศไทย

วิชา พระพุทธศาสนามหายาน อ.ผศ.ดร.พระครูสิริธรรมรัต
เรื่องพระพุทธศาสนามหายานในประเทศไทย  (กลุ่มที่ ๑๐)
หัวข้อที่นำมาศึกษา ๓ อย่าง
                ๑.พระพุทธศาสนามหายานเข้าสู่ประเทศไทยได้อย่างไร?
                ๒.พระพุทธศาสนามหายานมีการพัฒนามาแต่ละยุคอย่างไร?
                ๓.ทำไมพระพุทธศาสนาของมหายานจึงสามารถเผยแผ่ได้กว้างไกล
                                ๑.พระพุทธศาสนามหายานเข้ามาสู่ประเทศไทยได้อย่างไร?
                พระพุทธศาสนามหายานเกิดขึ้นหลังการสังคายนาครั้งที่๓ พระเจ้าอโศกมหาราชได้ส่งพระสมณะทูต ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาออกเป็น ๙ สาย สายที่ ๘ พระโสณะกับพระอุตระเป็นหัวหน้าคณะเข้ามาสูบริเวณที่เรียกว่า สุวรรณภูมิ
                ในกาลต่อมาพระพุทธศาสนาได้รับอิทธิพลโดยผสมผสานศาสนาพราหมณ์แบบมหายานนี้ทำให้มีความเจริญรุ่งเรืองในอาณาจักรน่านเจ้า ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของดินแดนสุวรรณภูมิ
                ปลายพุทธศตวรรษที่๗ ขุนหลวงเม้ากษัตริย์ไทยพระองค์หนึ่งซึ่งเป็นชนชาติไทยอยู่น่านเจ้าซึ่งนับถือพระพุทธศาสนามหายานที่ผสมผสานกับศาสนาพราหมณ์จากพระเจ้าฮั่นเม่งเต้งกษัตริย์ในสมัยนั้น
                มีหลักฐานตามประวัติศาสตร์ว่าอาณาจักรนานเจ้านี้เป็นถิ่นของชนชาวไทยมาก่อนจึงนับได้ว่าพระพุทธศาสนามายานเข้ามาสู่ประเทศไทยและเป็นศาสนาประจำชาติไทยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
                ประมาณ พ.ศ. ๑๕๔๕-๑๗๒๕ พระพุทธศาสนามหายาน ได้แผ่เข้ามาเจริญรุ่งเรืองอีกในสุวรรณภูมิโดยเฉพาะเขมรในรัชกาลของพระเจ้า  สุริยวรมัน    ซึ่งมีอาณาจักรทราวดี ที่กำลังรุ่งเรือง
                พุทธศตวรรตที่ ๑๘ กุบไลข่าน  กษัตริย์ชาติมองโกล ได้นำทัพตีอาณาจักรน่านเจ้าแตก  ชนชาติไทยได้อพยพลงมาตามแม่น้ำสาละวินและแม่น้ำโขง  พวกหนึ่งได้รวบรวมกำลังกับชนชาติไทยซึ่งอยู่ที่ดินแดนสุวรรณภูมิก่อนหน้านั้นแล้ว  ปัจจุบันเรียกว่า ประเทศไทย
                ผู้นำที่เข้มแข็ง ๒ ท่านคือ พ่อขุนผาเมือง เป็นเจ้าเมืองราด  พ่อขุนบางกลางท่าว เป็นเจ้าเมืองบางยาง ได้นำทัพเข้าตีกรุงสุโขทัยได้จากขอมใน พ.ศ. ๑๘๐๐ ราษฎรทั้งหลายจึงยกขุนบางกลางท่าวขึ้นเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่า ขุนศรีอินทราทิตย์ในเวลานั้นพระพุทธศาสนาได้รับการสนับสนุนจากพระราชาทั้งราชวงศ์สุโขทัยจนสืบทอดกันมา               
                ในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชซึ่งเป็นกษัตริย์องค์ที่ ๓ แห่งกรุงสุโขทัย มิได้ทรงจารึกนิกายใดในศิลาจารึกเพียงแต่จารึกว่า
                มีพระภิกษุคามวาสี คือพระภิกษุที่พำนักอยู่ภายในหมู่บ้านอบรมสั่งสอนชาวบ้าน และทำพิธีกรรมทางศาสนา และพระภิกษุอรัญวาสี คือ พระภิกษุที่อยู่ตามป่า เป็นวัดที่ห่างไกลจากหมู่บ้านทั้งสองแนวนี้ได้สืบทอดศาสนาในยุคนั้น

                                ๒.พระพุทธศาสนามหายานมีการพัฒนามาแต่ละยุคอย่างไร?
ยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา
                ชาวจีนได้อพยพเข้ามาสู่ประเทศไทยมากขึ้นเป็นลำดับมา พระพุทธศาสนามหายานได้ฟื้นฟูในประเทศไทยตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา               
ยุคสมัยกรุงธนบุรี (สมัยพระเจ้าตากสินมหาราช)
                วัดวาอารามทางพระพุทธศาสนามหายานได้ถูกสร้างขึ้นโดยการนำของพระสงฆ์ยวนและจีน         
ยุคสมัยกรุงรัตนโกสินทร์  (ตั้งแต่ราชกาลที่ ๑-๔)
                วัดทางมหายานได้ถูกสร้างขึ้นเรื่อยๆ มากกว่า๑๐  วัดขึ้นไป
                                                                ดังนิราศราชการที่ ๑ ว่า                              
                                                ตั้งใจจะอุปถัมภก                  ยอยกพระพุทธศาสนา
                                                จะป้องกันขอบขันฑสีมา   รักษาประชาชนและมนตรี
                 ในสมัยราชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระพุทธศาสนาในประเทศไทยได้มีนิกายที่ชัดเจน ๒ นิกายคือ  มหานิกาย และ ธรรมยุต เกิดขึ้นในยุคนั้น     
ยุคสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ( ราชกาลที่ ๕)
                ได้มีพระพุทธศาสนามหายานประเทศอื่น เข้ามาสู่ประเทศไทย ได้แก่พระพุทธศาสนาแบบจีน เรียกว่า จีนนิกาย และจากเวียดนามเรียกว่า อันนัม จึงเรียกพระภิกษุที่มาเผยแผ่พระพุทธศาสนามหายานแนวนี้ว่า อนัมนิกาย
                                ทำให้เกิดสมณะศักดิ์ของมหายานเกิดขึ้นในยุคนี้
                สมณพระสงฆ์จีนรูปแรกคือ พระอาจารจีนวังวังสสมาธิวัตร  สมณศักดิ์พระสงฆ์ยวนรูปแรกคือ พระครูคณานัมสมณจารย์  และเพิ่มไปตามลำดับ
ยุคสมัยของพระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัว ( ราชกาลที่ ๙) 
                วัดจีนที่สำคัญหลาย ๆ วัด ได้ถูกสร้างและซ่อมแซมขึ้น เช่น  วัดโพธิ์เย็น ที่ตลาดลูกแก           ต.ดอนขมิ้น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี  เป็นวัดแรกที่ได้ทำการผูกพัทสีมาในการอุปสมบทแบบของ พระพุทธศาสนามหายานในประเทศไทยจึงได้รับการพัฒนาสืบๆกันมา


                                ๓.ทำไมพระพุทธศาสนาของมหายานจึงสามารถเผยแผ่ได้กว้างไกล
แนวการศึกษาฝ่ายมหายานของพุทธทาสภิกขุ
แนวการศึกษาพระพุทธศาสนามหายานในประเทศไทย   (เพ็ญศรี หงส์พานิช)

การศึกษาฝ่ายมหายานของพุทธทาสภิกขุ
                มหายานเขาต้องการจะให้ง่ายขึ้นสำหรับคนที่ไม่การศึกษาชาวบ้านนอกคอกนา เช่น การพิจารณาพระพุทธเจ้าอย่างลึกซึ้งชาวบ้านเขาทำไม่ได้ เหลือออกชื่อท่านก็แล้วกัน  ใครสวดได้  ๘๐,๐๐๐ ครั้ง ก็เป็นอันรอดตัวไปสวรรค์แน่
                “มหายานเขาจะรักษาชนกลุ่มที่ด้อยการศึกษา ปัญญาน้อย เอาไว้ในวงพุทธศาสนา เพื่อไม่ให้มีการแตกคอกออกไปสู่ศาสนาอื่นที่ง่ายกว่า จึงได้บัญญัติพระพุทธเจ้าเสียมากมาย และยังบัญญัติพระโพธิสัตว์ขึ้นมาช่วยพุทธเจ้าด้วย
                “มหายานจะขยายออกไป ๒ ทาง ทางหนึ่งขยายออกไปทางให้ประชาชาชนที่ไร้การศึกษา  อีกทางขยายออกไปในทางสูงมีการศึกษาดี แต่แล้วก็ไม่พ้นจาการที่จะใช้ความเชื่อ และศัทธาเป็นใหญ่

พระพุทธศาสนามหายานในประเทศไทย (เพ็ญศรี หงส์พานิช)
                พระพุทธศาสนานิกายมหายาน ยึดหลัก ๗ ประการ
                ๑.ทันสมัย คือ มองเห็นความแปลกใหม่เป็นเรื่องดี
                ๒.รับสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ ไม่รู้สึกหนักใจที่จะเปลี่ยน
                ๓.เปลี่ยนแปลงของเก่าเพื่อให้ใช้ได้หรือเป็นอยู่ได้ในปัจจุบัน
                ๔.มองเห็นความคิดใหม่เป็นเรื่องของการสร้างสรรค์
                ๕.มองเห็นความไม่เปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องล้าสมัย
                ๖.ไม่ยึดติดจารีตประเภณี เพราะจารีตประเภณีนั้นก็เกิดจากการเปลี่ยนแปลงมานั่นเอง
                ๗.ป้องกันห่วงแหนสิ่งที่ตนเปลี่ยนแปลงอย่างเหนียวแน่น สิ่งใหม่ๆนั้นควรปกป้องรักษา

2 ความคิดเห็น: