วิชา พระพุทธศาสนามหายาน อ.ผศ.ดร.พระครูสิริธรรมรัต
เรื่องพระพุทธศาสนามหายานในประเทศไทย (กลุ่มที่ ๑๐)
หัวข้อที่นำมาศึกษา ๓ อย่าง
๑.พระพุทธศาสนามหายานเข้าสู่ประเทศไทยได้อย่างไร?
๒.พระพุทธศาสนามหายานมีการพัฒนามาแต่ละยุคอย่างไร?
๓.ทำไมพระพุทธศาสนาของมหายานจึงสามารถเผยแผ่ได้กว้างไกล
๑.พระพุทธศาสนามหายานเข้ามาสู่ประเทศไทยได้อย่างไร?
พระพุทธศาสนามหายานเกิดขึ้นหลังการสังคายนาครั้งที่๓ พระเจ้าอโศกมหาราชได้ส่งพระสมณะทูต ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาออกเป็น ๙ สาย สายที่ ๘ พระโสณะกับพระอุตระเป็นหัวหน้าคณะเข้ามาสูบริเวณที่เรียกว่า สุวรรณภูมิ
ในกาลต่อมาพระพุทธศาสนาได้รับอิทธิพลโดยผสมผสานศาสนาพราหมณ์แบบมหายานนี้ทำให้มีความเจริญรุ่งเรืองในอาณาจักรน่านเจ้า ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของดินแดนสุวรรณภูมิ
ปลายพุทธศตวรรษที่๗ ขุนหลวงเม้ากษัตริย์ไทยพระองค์หนึ่งซึ่งเป็นชนชาติไทยอยู่น่านเจ้าซึ่งนับถือพระพุทธศาสนามหายานที่ผสมผสานกับศาสนาพราหมณ์จากพระเจ้าฮั่นเม่งเต้งกษัตริย์ในสมัยนั้น
มีหลักฐานตามประวัติศาสตร์ว่าอาณาจักรนานเจ้านี้เป็นถิ่นของชนชาวไทยมาก่อนจึงนับได้ว่าพระพุทธศาสนามายานเข้ามาสู่ประเทศไทยและเป็นศาสนาประจำชาติไทยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ประมาณ พ.ศ. ๑๕๔๕-๑๗๒๕ พระพุทธศาสนามหายาน ได้แผ่เข้ามาเจริญรุ่งเรืองอีกในสุวรรณภูมิโดยเฉพาะเขมรในรัชกาลของพระเจ้า สุริยวรมัน ซึ่งมีอาณาจักรทราวดี ที่กำลังรุ่งเรือง
พุทธศตวรรตที่ ๑๘ กุบไลข่าน กษัตริย์ชาติมองโกล ได้นำทัพตีอาณาจักรน่านเจ้าแตก ชนชาติไทยได้อพยพลงมาตามแม่น้ำสาละวินและแม่น้ำโขง พวกหนึ่งได้รวบรวมกำลังกับชนชาติไทยซึ่งอยู่ที่ดินแดนสุวรรณภูมิก่อนหน้านั้นแล้ว ปัจจุบันเรียกว่า ประเทศไทย
ผู้นำที่เข้มแข็ง ๒ ท่านคือ พ่อขุนผาเมือง เป็นเจ้าเมืองราด พ่อขุนบางกลางท่าว เป็นเจ้าเมืองบางยาง ได้นำทัพเข้าตีกรุงสุโขทัยได้จากขอมใน พ.ศ. ๑๘๐๐ ราษฎรทั้งหลายจึงยกขุนบางกลางท่าวขึ้นเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่า ขุนศรีอินทราทิตย์ในเวลานั้นพระพุทธศาสนาได้รับการสนับสนุนจากพระราชาทั้งราชวงศ์สุโขทัยจนสืบทอดกันมา
ในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชซึ่งเป็นกษัตริย์องค์ที่ ๓ แห่งกรุงสุโขทัย มิได้ทรงจารึกนิกายใดในศิลาจารึกเพียงแต่จารึกว่า
“มีพระภิกษุคามวาสี คือพระภิกษุที่พำนักอยู่ภายในหมู่บ้านอบรมสั่งสอนชาวบ้าน และทำพิธีกรรมทางศาสนา และพระภิกษุอรัญวาสี คือ พระภิกษุที่อยู่ตามป่า เป็นวัดที่ห่างไกลจากหมู่บ้านทั้งสองแนวนี้ได้สืบทอดศาสนาในยุคนั้น”
๒.พระพุทธศาสนามหายานมีการพัฒนามาแต่ละยุคอย่างไร?
ยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา
ชาวจีนได้อพยพเข้ามาสู่ประเทศไทยมากขึ้นเป็นลำดับมา พระพุทธศาสนามหายานได้ฟื้นฟูในประเทศไทยตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ยุคสมัยกรุงธนบุรี (สมัยพระเจ้าตากสินมหาราช)
วัดวาอารามทางพระพุทธศาสนามหายานได้ถูกสร้างขึ้นโดยการนำของพระสงฆ์ยวนและจีน
ยุคสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (ตั้งแต่ราชกาลที่ ๑-๔)
วัดทางมหายานได้ถูกสร้างขึ้นเรื่อยๆ มากกว่า๑๐ วัดขึ้นไป
“ ดังนิราศราชการที่ ๑ ว่า ”
ตั้งใจจะอุปถัมภก ยอยกพระพุทธศาสนา
จะป้องกันขอบขันฑสีมา รักษาประชาชนและมนตรี
ในสมัยราชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระพุทธศาสนาในประเทศไทยได้มีนิกายที่ชัดเจน ๒ นิกายคือ มหานิกาย และ ธรรมยุต เกิดขึ้นในยุคนั้น
ยุคสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ( ราชกาลที่ ๕)
ได้มีพระพุทธศาสนามหายานประเทศอื่น เข้ามาสู่ประเทศไทย ได้แก่พระพุทธศาสนาแบบจีน เรียกว่า จีนนิกาย และจากเวียดนามเรียกว่า อันนัม จึงเรียกพระภิกษุที่มาเผยแผ่พระพุทธศาสนามหายานแนวนี้ว่า อนัมนิกาย
ทำให้เกิดสมณะศักดิ์ของมหายานเกิดขึ้นในยุคนี้
สมณพระสงฆ์จีนรูปแรกคือ พระอาจารจีนวังวังสสมาธิวัตร สมณศักดิ์พระสงฆ์ยวนรูปแรกคือ พระครูคณานัมสมณจารย์ และเพิ่มไปตามลำดับ
ยุคสมัยของพระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัว ( ราชกาลที่ ๙)
วัดจีนที่สำคัญหลาย ๆ วัด ได้ถูกสร้างและซ่อมแซมขึ้น เช่น วัดโพธิ์เย็น ที่ตลาดลูกแก ต.ดอนขมิ้น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เป็นวัดแรกที่ได้ทำการผูกพัทสีมาในการอุปสมบทแบบของ พระพุทธศาสนามหายานในประเทศไทยจึงได้รับการพัฒนาสืบๆกันมา
๓.ทำไมพระพุทธศาสนาของมหายานจึงสามารถเผยแผ่ได้กว้างไกล
แนวการศึกษาฝ่ายมหายานของพุทธทาสภิกขุ
แนวการศึกษาพระพุทธศาสนามหายานในประเทศไทย (เพ็ญศรี หงส์พานิช)
การศึกษาฝ่ายมหายานของพุทธทาสภิกขุ
“มหายานเขาต้องการจะให้ง่ายขึ้นสำหรับคนที่ไม่การศึกษาชาวบ้านนอกคอกนา เช่น การพิจารณาพระพุทธเจ้าอย่างลึกซึ้งชาวบ้านเขาทำไม่ได้ เหลือออกชื่อท่านก็แล้วกัน ใครสวดได้ ๘๐,๐๐๐ ครั้ง ก็เป็นอันรอดตัวไปสวรรค์แน่”
“มหายานเขาจะรักษาชนกลุ่มที่ด้อยการศึกษา ปัญญาน้อย เอาไว้ในวงพุทธศาสนา เพื่อไม่ให้มีการแตกคอกออกไปสู่ศาสนาอื่นที่ง่ายกว่า จึงได้บัญญัติพระพุทธเจ้าเสียมากมาย และยังบัญญัติพระโพธิสัตว์ขึ้นมาช่วยพุทธเจ้าด้วย”
“มหายานจะขยายออกไป ๒ ทาง ทางหนึ่งขยายออกไปทางให้ประชาชาชนที่ไร้การศึกษา อีกทางขยายออกไปในทางสูงมีการศึกษาดี แต่แล้วก็ไม่พ้นจาการที่จะใช้ความเชื่อ และศัทธาเป็นใหญ่”
พระพุทธศาสนามหายานในประเทศไทย (เพ็ญศรี หงส์พานิช)
พระพุทธศาสนานิกายมหายาน ยึดหลัก ๗ ประการ
๑.ทันสมัย คือ มองเห็นความแปลกใหม่เป็นเรื่องดี
๒.รับสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ ไม่รู้สึกหนักใจที่จะเปลี่ยน
๓.เปลี่ยนแปลงของเก่าเพื่อให้ใช้ได้หรือเป็นอยู่ได้ในปัจจุบัน
๔.มองเห็นความคิดใหม่เป็นเรื่องของการสร้างสรรค์
๕.มองเห็นความไม่เปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องล้าสมัย
๖.ไม่ยึดติดจารีตประเภณี เพราะจารีตประเภณีนั้นก็เกิดจากการเปลี่ยนแปลงมานั่นเอง
๗.ป้องกันห่วงแหนสิ่งที่ตนเปลี่ยนแปลงอย่างเหนียวแน่น สิ่งใหม่ๆนั้นควรปกป้องรักษา
ส่งแล้วกำลังพิจารณา
ตอบลบธรรมใดๆก็ไร้ค่าถ้าไม่ทำ
ตอบลบ